Chapter
5. ตัวแปร ในการเขียนโปรแกรมจำเป็นต้องมีการอ้างถึงข้อมูลที่ซ้ำกันบ่อยๆ ข้อมูลที่เป็นชนิดเดียวกันซ้ำๆ กันนี้ เราไม่นิยมสร้างหรือเขียนขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง แต่เราจะประกาศมันเอาไว้ แล้วก็กำหนดค่าตัวแทน หรือที่เรียกว่าตัวแปร เมื่อมีการใช้ข้อมูลนี้อีกก็ให้เรียกตัวแปรนั้นขึ้นมาใช้ได้เลย ซึ่งเป็นการสร้างความสะดวกลดความซ้ำซ้อนของงาน เช่น $name="passkorn"; เมื่อจะพิมพ์คำว่า passkorn ก็ให้เรียก $name ได้เลยไม่ต้องพิมพ์ passkorn อีก เช่น print "$name"; ตัวแปรในภาษา Perl มีไม่มากนั้น สามารถแยกออกได้เป็นตัวแปร 2 ตัวหลักๆ ดังนี้
โดยมีรายละเอียดดังนี้
Scalar เป็นตัวแปรที่ใช้เก็บข้อมูลเดียวๆ อาจเป็นตัวเลข (Integer) หรือข้อความ (String) ก็ได้ วิธีการกำหนดเราจะใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าเสมอ เช่น $name= "passkorn"; เครื่องหมาย " " และ ' ' จะให้ความหมายเหมือนกัน แต่การนำเข้าสู่การประมวลผลจะที่แตกต่างกัน คือถ้า Perl พบเครื่องหมาย " " จะนำเข้าสู่การประมวลผลเช่น การค้นหาคำที่แยกเป็นตัวอักษร (ณ.ที่นี่เราจะยังไม่เรียน) แต่ถ้าพบเครื่องหมาย ' ' Perl จะไม่สนใจ ฉะนั้นถ้าตัวแปรที่มีความหมายไม่มาก ไม่ต้องการเก็บเพื่อนำเข้าสู่การประมวลผลภายหลัง ก็ควรใช้ ' ' เพื่อการประหยัด resource เครื่องจะได้เร็วขึ้นด้วย ข้อมูลที่เป็น Integer ไม่นิยมใช้เครื่องหมาย " " หรือ ' ' จะไม่ใส่เครื่องหมายใดๆเช่น
ผลลัพธ์
ผลลัพธ์จะให้ความหมายเหมือนกันใช้ " " และ ' ' ตัวแปร Scalar จะเก็บข้อมูลเพียงข้อมูลเดียวถ้าเรากำหนดตัวแปร Scalar ซ้ำกัน มันจะเก็บข้อมูลชุดสุดท้าย เช่น
ผลลัพธ์ที่ได้
จากผลลัพธ์ข้างต้น การเก็บข้อมูลที่ซ้ำกัน Scalar จะเก็บข้อมูลชุดสุดท้าย และแสดงผลออกมา ดังนั้นควรระมัดระวังกำหนดและการใช้ตัวแปรด้วย หรือถ้าต้องการเก็บข้อมูลที่เป็นตัวแปรเดียวแต่ข้อมูลซ้ำกัน Perl ได้เตรียมตัวแปรให้สำหรับการเก็บข้อมูลเช่นนี้ ตัวแปรตัวนี้เราเรียก ว่า Array แล้วเราจะได้ศึกษาในตอนต่อไป
ชุดของข้อมูล
เป็นการเก็บข้อมูลเป็นชุด
เป็นแถว หรือกลุ่มของข้อมูล เช่น
เดือนก็ จะประกอบไปด้วย มกราคม
กุมภาพันธ์ มีนาคม .... เป็นต้น @day = ("Monday","Tuesday","Wednesday","Thursday"',"Friday","Saturday"',"Sunday"); เมื่อต้องการให้แสดงข้อมูลก็สามารถทำได้โดยใช้คำสั่ง print เช่น
ผลลัพธ์
ถ้าต้องการให้ print ข้อมูลออกมาทีละข้อมูลก็สามารถทำได้โดย แปลงเครื่องหมายจาก @ เป็น $ แล้วใช้เครื่องหมาย [0] เข้าไปอ้างถึงข้อมูลแต่ละตัว เลข 0 คือข้อมูลที่ 1 เลข 1 คือข้อมูลที่ 2 ต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ เช่น
ผลลัพธ์
ชุดของข้อมูล เป็นคู่ Associative Array
เป็นการเก็บข้อมูลเป็นชุด
ที่เป็นคู่
โดยกำหนดชุดของข้อมูลจับคู่กัน
ตามลำดับ 0 คู่ 1 , 2 คู่ 3 , 4 คู่ 5
ดังนี้ passkorn 29 ,somchai 30, parinya 20 % age = ("passkorn", 29 ,"somchai" 30 ,"parinya" , 20 ); เมื่อเราต้องการให้ print คู่ของชุดข้อมูลออกมาเราก็สามารถทำได้โดยการอ้างข้อมูลตัวแรกของคู่ของชุดข้อมูล เช่น
ผลลัพธ์
Copy right Passkorn Roungrong |