Chapter 9.
Control Structures
จากบทที่ผ่านมาเราได้ศึกษาถึง
Operator การใช้งาน Operator
กับตัวแปรชนิดต่างๆ
ตลอดจนคำสั่งพื้นฐานการ Disply หรือ
Output Process ของ Programes (echo หรือ print)
มาในบทนี้เราจะนำ Control Structures
มาควบคุม Operator ตัวแปร และ คำสั่ง
ให้เป็นไปตามความต้องการที่เราได้ออกแบบโปรแกรมไว้
สำหรับคนที่เคยเขียน Programes
ภาษาใดภาษาหนึ่งมาแล้ว
จะสามารถเข้าใจในบทเรียนนี้โดยง่าย
หลักการการควบคุม(Control Structures) นั้น
โดยทั่วไปทุกภาษาจะเหมือนกัน
หรือที่เราเรียกว่า Logic
แต่จะแตกต่างกันที่
รายละเอียดของคำสั่ง
ในส่วน Control
Structures ของ Perl แทบจะไม่แตกต่างจากของ
PHP เลย
หลักการการใช้งานตลอดจนการเขียน
สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้
คำสั่ง Control Structures
แรกที่เราจะศึกษากันก็คือ IF
ดังต่อไปนี้
คำสั่ง if
เป็นคำสั่งสำหรับสร้างเงื่อนไขการทำงานของโปรแกรมว่า
ถ้าเป็นจริงก็จะให้ทำงานงานหนึ่ง
ถ้าเป็นเท็จก็จะให้ทำงานอีกงานหนึ่ง
ดังแผนภาพ
รูปแบบคำสั่ง
if ( เหตุการณ์
Operator เหตุการณ์
){งานที่จะต้องทำ} |
ตัวอย่างคำสั่ง
if.pl
#!/usr/bin/perl
print "Content-type: text/html\n\n";
$a=500;
if ( $a == 500
){print"<h1>ตัวแปรตัวนี้เท่ากับ
500</h1>";}
|
ผลลัพธ์
คำอธิบาย
กำหนดให้ $a มีค่าเท่ากับ 500
คำสั่งสร้างเงื่อนไขว่า ถ้า $a
เท่า 500 ให้พิมพ์คำว่า
"ตัวแปรตัวนี้เท่ากับ 500
ขนาดตัวอักษรเท่ากับ H1"
แต่ถ้าไม่พบว่า $a เท่ากับ 500
ก็จะไม่ทำงานอะไร
เป็นคำสั่ง if
เหมือนเดิม
แต่เพิ่มสถานการณ์ว่า
ถ้ามีเหตุการณ์เป็นเท็จเกิดขึ้นจะให้ทำงานอะไร
ดังแผนภาพ
รูปแบบคำสั่ง
if ( เหตุการณ์
Operator เหตุการณ์
){งานที่จะต้องทำ}
else {งานที่จะต้องทำ} |
ตัวอย่างคำสั่ง
if_else.pl
#!/usr/bin/perl
print "Content-type: text/html\n\n";
$a=600;
if ( $a == 500 ) {
print"<h1>ตัวแปรตัวนี้เท่ากับ
500</h1>";
} else {
print"<h1>ตัวแปรตัวนี้ไม่เท่ากับ500</h1>";
}
|
ผลลัพธ์
ตัวแปรตัวนี้ไม่เท่ากับ
500
|
คำอธิบาย
กำหนดให้ $a มีค่าเท่ากับ 600
คำสั่งสร้างเงื่อนไขว่า ถ้า $a
เท่า 500 ให้พิมพ์คำว่า
"ตัวแปรตัวนี้เท่ากับ 500
ขนาดตัวอักษรเท่ากับ H1"
ถ้าไม่เท่ากับ 500
ให้พิมพ์คำว่า
"ตัวแปรตัวนี้ไม่เท่ากับ 500
ขนาดตัวอักษรเท่ากับ H1"
Copy right Passkorn Roungrong 2000 |